THE WINTER FORTRESS ปฏิบัติการลับพลิกสงครามโลก

THE WINTER FORTRESS ปฏิบัติการลับพลิกสงครามโลก
คำนำสำนักพิมพ์
หากชีวิตเราคือละครและโลกคือนิยายเรื่องยาวไม่รู้จบ สงครามโลกก็เปรียบได้กับจุดหักเหสำคัญของพล็อตที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางของเนื้อเรื่องที่เหลือ กล่าวเฉพาะเหตุการณ์วินาศกรรมที่เล่าอยู่ในหนังสือเล่มนี้ อาจพูดได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของพล็อตที่สำคัญในระดับที่เป็นตัวตัดสินว่านิยายเรื่องยาวของโลกเราจะได้เดินต่อไปหรือจบลง
ความจริงคือชีวิตเรานั้นไม่ใช่ละคร หากคือประวัติศาสตร์ แต่หลายเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ก็ช่างสนุก น่าตื่นเต้น ชวนลุ้นระทึกทุกข์ระทมและซาบซึ้งใจยิ่งกว่าละคร หนึ่งในนั้นคือเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมโรงงานแห่งหนึ่งในนอร์เวย์ในช่วงที่กองทัพนาซีฝันใฝ่จะครองโลกซึ่งโลกวันนั้นยังเป็นโลกที่ไม่รู้จักระเบิดปรมาณู โลกที่คนหัวกะทิจำนวน
หยิบมือเดียวเท่านั้นเริ่มสงสัยว่าปฏิกิริยาบางอย่างของอะตอมอาจนำไปสู่การผลิตอาวุธร้ายแรงอย่างที่ชาวโลกไม่เคยรู้จักมาก่อน อาวุธที่หากมีขนาดเท่าผลสับปะรดจะสามารถกวาดทั้งเมืองให้ราบเรียบเป็นหน้ากลองได้ หากใหญ่กว่านั้น สัดส่วนการทำลายล้างก็ขยายวงกว้างสัมพัทธ์กันไป
คนหัวกะทิที่รับใช้ความทะเยอทะยานของฮิตเลอร์พบว่าพวกเขาขาดองค์ประกอบสำคัญแค่อย่างเดียวที่จะผลิตอาวุธดังกล่าว นั่นก็คือ “น้ำมวลหนัก” ซึ่งผู้เขียนอธิบายกลไกการทำงานของมันอย่างกระจ่างแจ้งว่ามันคืออะไรและทำไมมันจึงสำคัญต่อการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ และในเวลานั้น มีสถานที่แห่งเดียวในโลกที่ผลิตน้ำมวลหนัก นั่นคือโรงงานเวมอร์คบนภูผาหนาวเหน็บแห่งหนึ่งในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งน้ำมวลหนักเป็นแค่ By -Product ในการผลิตไฟฟ้า ที่คนผลิตเองยังไม่รู้จะเอาไปทำอะไรด้วยซ้ำ แต่หลังจากฮิตเลอร์ยกทัพบุกยึดนอร์เวย์และเข้าควบคุมการผลิตน้ำมวลหนักเต็มรูปแบบ เราจึงได้รู้ว่ามันสำคัญเพียงไร และสำคัญเพียงไรที่ต้องขัดขวางและทำลายมัน
กลุ่มชายชาวนอร์เวย์แห่งแดนเหนือ ที่ว่ากันว่าเหมือนเกิดมาพร้อมสกีที่เท้าและรู้จักแผ่นดินสีขาวโพลนของตัวเองเป็นอย่างดี ทนไม่ได้กับการถูกรุกราน พวกเขากลายมาเป็นผู้ต่อต้านที่มีทักษะเฉพาะตัวล้ำค่าเหมาะกับภารกิจวินาศกรรมลับ ๆ นี้ ภายใต้การสนับสนุนและฝึกฝนการต่อสู้จากฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างอังกฤษ หน่วยคอมมานโดเฉพาะกิจได้ใช้ทักษะแห่งคนเมืองหนาวของพวกเขาไถลลื่นไปพร้อมสัมภาระกว่า 500 ปอนด์ กับภารกิจที่กินเวลานานนับเตือน เพื่อเผชิญกับพายุหิมะ ความแร้นแค้นสาหัส ความเหน็บหนาวที่ฝังไปถึงในกระดูก การถูกทรมาน ความล้มเหลวและความสงสัยอันเจ็บปวดว่าทั้งหมดนี้มีความหมายจริงหรือ พวกเขาเอาชีวิตมาทิ้งเปล่า ๆ หรือไม่ และแน่นอนว่าคนหัวกะทิและผู้กล้าหาญนั้นมีอยู่ในทุกฝ่ายของสงคราม การสู้กันครั้งนี้จึงเป็นการประลองกำลังระหว่างอัจฉริยภาพของฝ่ายบุ๋นและพละกำลังของฝ่ายบู๊ ทักษะการต่อสู้ ทักษะการเอาตัวรอด ความเด็ดเดี่ยวที่กินกันไม่ลงระหว่างคนทั้งสองฝ่ายของสงคราม
นิยายชีวิตจริงนี้จบลงเช่นไร สงครามโลกครั้งที่สองจบลงอย่างไร คุณน่าจะพอเดาเรื่องได้ แต่ที่จะไม่มีทางเดาได้เลยจนกว่าจะอ่านมันจนจบคือความจริงที่ว่าการสู้ (และ/หรือตาย) เพื่อสิ่งที่ถูกต้องนั้น ทำให้คนเรามีหัวใจที่แข็งแกร่งจนนำไปสู่ชัยชนะอันน่าสรรเสริญได้อย่างไร
Sophia

ห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์