THE BREAKTHROUGH OF NORMANDY ฝ่าสมรภูมินอร์มังดี

THE BREAKTHROUGH OF NORMANDY ฝ่าสมรภูมินอร์มังดี
คำนำสำนักพิมพ์
THE BREAKTHROUGH OF NORMANDY วันที่ 6 มิถุนายน 1944 หรือที่เรียกว่า “วันดีเดย์” กองทัพพันธมิตรเปิดฉากยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งนอร์มังดีของฝรั่งเศส ปฏิบัติการยกพลขึ้นบกครั้งนี้นำไปสู่ยุทธการปลดปล่อยยุโรปของกองกำลังพันธมิตร ทหารนับแสนนาย เรือรบและเครื่องบินนับพันนับหมื่นลำร่วมกันทะลว ฝ่ากำแพงแอตแลนติกของฮิตเลอร์ภายใต้ยุทธการโอเวอร์ลอร์ด อันเป็น จุดเริ่มต้นของจุดจบของสงครามโลกครั้งที่2 และสมรภูมิเลือดซึ่งจะดูดกลืนชีวิตทหารทั้งสองฝ่าย
หนังสือ THE BREAKTHROUGH OF NORMANDY: ฝ่าสมรภูมินอร์มังดี ที่อยู่ในมือท่านผู้อ่านเล่มนี้เขียนโดย “ปัญญาณัฏฐ์ ณัธญาธรนินน์” ครูสอนวิชาประวัติศาสตร์ผู้สนใจและศึกษาประวัติศาสตร์สงครามโลกและสงครามยุคโบราณมาอย่างยาวนานแบบรู้ลึกและรู้จริง THE BREAKTHROUGH OF NORMANDY: ฝ่าสมรภูมินอร์มังดี บอกเล่ารายละเอียด แทบทุกกระเบียดนิ้วของการรบในนอร์มังดี ตั้งแต่คืนก่อนการยกพลขึ้นบกจะเริ่มขึ้น เหล่าบรรดาทหารพลร่มทั้งของอังกฤษ อเมริกัน และแคนาดา ถูกส่งลงพื้นที่แนวหลังของเยอรมัน ภารกิจของพวกเขามีทั้งการยึดสะพาน ถนน หมู่บ้าน และขัดขวางภัยคุกคามจากทหารเยอรมันทุกรูปแบบที่จะส่งผลกระทบต่อกองกำลังพันธมิตรซึ่งกำลังยกพลขึ้นบกที่ชายหาด หนึ่งในปฏิบัติการของทหารพลร่มเหล่านี้คือยุทธการทองก้า (Operation Tonga) มันคือการปฏิบัติการรบหลังแนวตั้งรับของเยอรมันบริเวณหาดชอร์ด (Sword Beach) อันเป็นจุดขึ้นบกของกองกำลังอังกฤษ ภารกิจนี้ยังรวมถึง การยึดฐานปืนใหญ่และการยึดสะพานข้ามแม่น้ำออร์นเนอะอันมีชื่อรหัสว่า “สะพานเพกาซัส” (Pegasus Bridge) นอกจากนี้ทหารพลร่มอังกฤษยังพยายามสร้างสะพานข้ามแม่น้ำบริเวณทางทิศเหนือของเมืองก็อง เพื่อสนับสนุนการรุกขึ้นสู่ฝั่งของกองกำลังหลักอีกด้วย กระทั่งปฏิบัติการยกพลขึ้นบกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มนุษยชาติอันนำไปสู่ยุทธการปลดปล่อยยุโรปของกองกำลังพันธมิตรที่ทุกคนต่างรอคอยมานานได้เริ่มขึ้น ทหารนับแสนนายพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ ต่างๆ บุกตะลุยตีฝ้าห่ากระสุนทุ่นระเบิดรวมถึงสิ่งกีดขวางนานา วันอันยาวนานตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 5 มิถุนายนมาจนถึงยามพระอาทิตย์ลับ ขอบฟ้าของวันที่ 6 มิถุนายนนั้นก่อให้เกิดการรบที่เป็นตำนานเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อการยกพลขึ้นบกประสบความสำเร็จ แม้จะต้องแลกมาด้วยชีวิตของเหล่าทหารหาญ ผู้เสียสละนับพัน แต่นั่นคือราคาที่ฝ่าย พันธมิตรต้องจ่ายไปกับการเริ่มปลดปล่อยยุโรปจากการยึดครองของกองทัพเยอรมัน
ในหนังสือเล่มนี้เราจะได้เห็นสมรภูมิอันหฤโหดที่จะปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ออกมา แต่ขณะเดียวกันในบางมุมเราก็จะได้เห็นมนุษยธรรมที่บังเกิดขึ้นมาในสนามรบอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนี้เราจะได้เห็นการวางแผนการรบของบรรดานายพลแม่ทัพ การวางยุทธศาสตร์ กลศึก และยุทธวิธีการรบ ไปจนถึงการแก้เกมของฝ่ายตรงข้าม เราจะได้เห็นแม้กระทั่งการรบอันดุเดือดเลือดพล่านจนถึงขั้นประจัญบานกระโจนเข้าตะลุมบอนกันในบังเกอร์และหลุมบุคคล อย่างที่ทหารโปแลนด์นายหนึ่งบันทึกการรบอันดิบเถื่อนในครั้งนี้เอาไว้ว่า “พวกเราสู้กับทหารเยอรมันด้วยมือเปล่า มีพวกเราบางคนใช้นิ้วมือควักดวงตาทหารข้าศึก บ้างก็ใช้ฟันกัดนิ้วมือหรือใบหูของพวกมันจนขาด จ่าคนหนึ่งที่รบอยู่ข้างๆ ผมใช้มีดแทงทหารเยอรมันที่สู้กับเขาจนไส้ไหลออกมา ก่อนที่เขาจะกระหน่ำแทงเข้าที่ใบหน้าอีกหลายครั้ง ตัวผมเองใช้มือทั้งสองจับปืนไรเฟิลของผมเหมือนกับจับท่อนไม้ หวดเข้าที่ใบหน้าของทหารเยอรมันคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เขาล้มลงนอนแน่นิ่งกับพื้น ผมตามไปใช้ทั้งเท้ากระทืบและพานท้ายปืนกระแทกเข้าที่ใบหน้าจนสมองของเขาไหล ออกมา”
เราได้รู้ว่าในสงครามการห้ำหั่นที่เลือดเข้าตา ทำให้ทหารกล้าและบ้าบิ่นได้ถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าชัยชนะที่ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในสงครามครั้งนี้เช่นกัน
ยังไม่พูดถึงผู้แพ้ที่แทบละลายทั้งกองทัพ!
สำนักพิมพ์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือ THE BREAKTHROUGH OF NORMANDY: ฝ่าสมรภูมินอร์มังดี จะทำให้ผู้อ่านได้รู้และเข้าใจเรื่องราวการยกพลขึ้นบกครั้งใหญ่และปฏิบัติการรบภายหลังจากนั้น อันเป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในการทำสงครามล้างผลาญกันของมนุษย์ชาติ และหวังว่าจะเป็นประโยซน์แก่ผู้อ่านที่สนใจในประวัติศาสตร์ สงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมต่อไป
THE BREAKTHROUGH OF NORMANDY: ฝ่าสมรภูมินอร์มังดี ปฏิบัติการรบภายหลังการยกพลขึ้นบกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น
ด้วยมิตรภาพ
สำนักพิมพ์ยิปซี

ห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์